รู้จัก "กรมผู้สูงอายุ" กรมใหม่ป้ายแดง ! (กรมกิจการผู้สูงอายุ)
เว็บมาสเตอร์ |
เนื่องในโอกาสวันผู้สูงอายุแห่งชาติวันที่ 13 เมษายน ถือโอกาสเยี่ยมชม "กรมป้ายแดง" เปิดทำการได้เดือนกว่าๆ "กรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.)" ภายใต้สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เกิดขึ้นตาม พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 14) พ.ศ.2558 บ้านหลังใหญ่หลังใหม่นี้ภายในเป็นอย่างไร มีผู้พาเข้าเยี่ยมชมทุกซอกทุกมุม นางสุนทรี พัวเวส รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน และรักษาราชการแทนรองอธิบดีกรม ผส. กล่าวถึงที่มา กรมกิจการผู้สูงอายุว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ปัจจุบันเรามีประชากรสูงอายุ 9 ล้านคน และกำลังจะสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดว่าปี 2564 สัดส่วนผู้สูงอายุของไทยจะเพิ่มมากกว่าร้อยละ 20 รัฐบาลจึงตระหนักถึงสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุ จัดตั้งกรมผู้สูงอายุขึ้นมาเพื่อเป็นหน่วยงานระดับกรมรองรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุทั้งหมด ถือเป็นหน่วยงานหลักที่แต่เดิมประเด็นเรื่องผู้สูงอายุจะเป็นระดับสำนักภายใต้กรมหนึ่งดูแลเท่านั้น "อัตราประชากรสูงอายุของไทยเพิ่มขึ้นเร็วมากเมื่อเทียบกับประเทศที่เป็นรัฐสวัสดิการเจริญแล้วอย่างประเทศแถบยุโรปสแกนดิเนเวียที่มีสวัสดิการดีๆเขาใช้เวลาร้อยปีในการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่สังคมไทยใช้เวลาหลักสิบปี ตรงนี้ต้องย้อนกลับไป 30 ปีที่แล้ว ที่เรามีประชากรวัยแรกเกิด หรือเจเนอเรชั่นบี (พ.ศ.2489-2507 หรืออายุ 45-63 ปี) เพิ่มเร็วมาก" บทบาทหน้าที่ของกรม นางสุนทรีกล่าวว่า เราขับเคลื่อนงานให้เป็นไปตามแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2545-2564) และ พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ พ.ศ.2546 ที่จะระบุยุทธศาสตร์ต้องทำ มีใครรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพบ้าง เช่น เรื่องการรักษาพยาบาล มีกระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพ รวมถึงหน่วยงานที่มีโรงพยาบาลในสังกัด เรื่องการประกอบอาชีพ มีกระทรวงแรงงานเป็นประธาน รวมถึงการดูแลให้ผู้สูงอายุได้รับสิทธิตามสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะเห็นว่างานด้านผู้สูงอายุต้องขับเคลื่อนไปด้วยกันหลายหน่วยงาน ไม่สามารถทำโดยลำพังได้ สุนทรี พัวเวส "กรมนี้เป็นที่รอคอยและมุ่งหวังของผู้สูงอายุ ที่จะให้เกิดองค์กรภาครัฐที่เป็นเจ้าภาพ ในการขับเคลื่อนประเด็นและทำให้เกิดการดูแลผู้สูงอายุให้ทั่วถึงและเป็นธรรม ฉะนั้นต่อไปมีประเด็นอะไรที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุให้มุ่งตรงมาที่เราได้เลยเราก็จะเชื่อมโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนภารกิจที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผู้สูงอายุที่มีประสิทธิภาพได้ต่อไป" ขับเคลื่อนงานโดยใช้ชุมชนเป็นตัวตั้ง นางสุนทรีชื่นชมรัฐบาลปัจจุบันว่าให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมสังคมผู้สูงอายุอย่างเร็วๆนี้ที่นายยงยุทธยุทธวงศ์รองนายกรัฐมนตรี มีโครงการ "รัฐ-ราษฎร์ ร่วมใจห่วงใยดูแลผู้สูงอายุ" ที่นำ 6 กระทรวงมาขับเคลื่อนงานผู้สูงอายุที่ใช้พื้นที่ชุมชนเป็นตัวตั้ง ภายใต้การส่งเสริมให้เกิดศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ เพื่อเน้นสร้างระบบการดูแลระยะยาว อย่างศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ เป็นนโยบายของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. โดยเริ่มในปี 2557-2558 ที่กระทรวง พม.ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และชมรมผู้สูงอายุ จัดตั้งศูนย์ 878 แห่งในระดับอำเภอ ขณะที่อนาคตมีแผนจะขยายศูนย์แห่งนี้ให้ครอบคลุมระดับตำบล หรืออีก 7,000 กว่าแห่ง ซึ่งศูนย์เหล่านี้จะเป็นการมารวมตัวของผู้สูงอายุ ตั้งแต่การมาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยน ออกกำลังกาย คิดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รวมถึงการฝึกอาชีพให้ผู้สูงอายุ เพื่อคลายเหงา และมีรายได้เสริม "รัฐบาลและคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติให้ความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจของผู้สูงอายุมากมองว่าทำอย่างไรที่จะให้ผู้สูงอายุอยู่ในภาวะดูแลตัวเองได้ยาวนานที่สุดอย่างการสร้างหลักประกันด้วยการออมหรือการทำงานในผู้สูงวัยตรงนี้จะเป็นงานอดิเรกเพื่อรับรายได้เสริม เป็นงานรับไปทำที่บ้านหรือรวมกลุ่มทำที่ศูนย์ ส่วนทางศูนย์ก็มีภารกิจในการฝึกอบรมอาชีพ ส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มประกอบอาชีพ อย่างบางที่ที่ประสบความสำเร็จ ทาง อปท.ก็จะประสานหาช่องทางตลาดให้" ต่างประเทศมีกรมผู้สูงอายุหรือไม่ นางสุนทรีกล่าวว่าต่างประเทศเขาไม่มีกรมผู้สูงอายุโดยตรงอาจรวมอยู่ในกรมผู้สูงอายุและครอบครัวอย่างประเทศญี่ปุ่นเขาให้อยู่ภายใต้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เพราะผู้สูงอายุของเขายิ่งใหญ่มาก ต้องใช้ระดับกระทรวงมามีบทบาท รวมถึงภาคท้องถิ่นของเขาที่เป็นหน่วยหลักมีบทบาทมากในการดูแลผู้สูงอายุ "บางคนบอกว่าทำไมเราไม่ทำอย่างญี่ปุ่นตรงนี้ต้องดูตั้งแต่ต้นน้ำว่าเขาทำงานได้เงินมากก็ต้องเสียภาษีมากถึง20-30เปอร์เซ็นต์เพื่อรอได้สวัสดิการในวัยสูงอายุ รัฐสวัสดิการเขาไม่ได้ให้เปล่า เขาได้เงินภาษีจากการทำงานของประชาชน จนถึงเวลาที่ทำงานไม่ได้แล้วหรือสูงอายุเขาก็จะได้รับเงินสวัสดิการนั้นกลับคืนมา ขณะที่เรายังไม่ได้เก็บภาษีที่สูงเพื่อนำมาจ่ายสวัสดิการอย่างนั้น แต่หากถามว่าจะมีการขึ้นเงินเบี้ยผู้สูงอายุในเร็วๆ นี้หรือไม่ ตอนนี้ยังไม่มีการพูดคุยกัน เพราะปัจจุบันก็จ่ายให้ผู้สูงอายุ 7-8 ล้านคน ใช้งบประมาณมหาศาลอยู่" เป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพได้อย่างไร นางสุนทรีกล่าวว่ามีปัจจัย4หลักคือ1.ด้านเศรษฐกิจ ต้องทำให้มีการออมตั้งแต่วัยเด็ก ด้วยการปลูกฝังวินัยการออมการเก็บออมวัยแรงงาน มีที่อยู่อาศัยมั่นคง 2.สุขภาพ ต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็กเรื่องการดูแลสุขภาพ พอมาวัยแรงงานก็ไม่ใช้ชีวิตให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคภัยที่เกิดจากพฤติกรรมทั้งหลาย เพราะหากเป็นผู้สูงอายุที่สุขภาพอ่อนแอ เงินที่เก็บมาทั้งชีวิตก็ไม่พอใช้ ต้องมาจ่ายเพื่อการรักษาสุขภาพ 3.สังคม ต้องเข้าสังคมบ้าง และ 4.สภาพแวดล้อมทั้งในบ้านและชุมชน ต้องมีบ้านที่ปลอดภัย สภาพแวดล้อมรองรับเป็นบ้านที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกวัยสูงอายุ เช่น พื้นไม่ลื่น มีราวจับในห้องน้ำ แสงสว่างเพียงพอ รวมถึงสภาพแวดล้อมในชุมชนก็สำคัญ แต่ให้เป็นหน้าที่ของท้องถิ่นที่ต้องสร้างระบบสาธารณูปโภคให้รองรับ "จะเห็นว่าการทำงานด้านผู้สูงอายุมีหลายองค์ประกอบจะสำคัญมากก่อนวัยผู้สูงอายุฉะนั้นนับตั้งแต่วัยเด็กก็ควรปลูกฝังความกตัญญูรู้คุณทุนทางสังคมที่เราต้องให้ความสำคัญต่อผู้ใหญ่เป็นเรื่องที่ดีมากที่เราต้องรักษาตรงนี้ไว้โดยการปลูกฝังให้เห็นความสำคัญการเคารพนับถือไม่ทอดทิ้งพ่อแม่ปู่ย่าตายายซึ่งจะติดไปจนโต กระทั่งไปมีครอบครัวเขาก็ไม่ทอดทิ้งพ่อแม่ ขณะที่วัยทำงานหากคุณอยากรู้ว่าจะสามารถเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพได้หรือไม่ ให้ดูตั้งแต่บัดนี้ตามสิ่งที่บอกไปข้างต้น" นางสุนทรีกล่าวทิ้งท้าย ที่มา Link: คลิ๊กที่นี่ |
แสดงความคิดเห็น